Japanese Crafts: Hakone Wood Mosaics

ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ (箱根寄木細工) เป็นเครื่องไม้ที่ผลิตในเมืองโอดาวาระและฮาโกเน่ พื้นที่ฝั่งตะวันตกของจังหวัดคานากาวะที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโตเกียว จุดเด่นของเครื่องไม้ชนิดนี้ คือ ลวดลายเรขาคณิตที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "คิคาคาคุโมโยะ" (Kikakakumoyo) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงเทคนิคอันแม่นยำของช่างฝีมือที่ทำให้ใช้สีและลวดลายของไม้ธรรมชาติได้ดีที่สุด ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “กล่องลับ” (秘密箱) ที่หากคุณเลื่อนด้านข้างของกล่องตามลำดับแล้วฝาจะเปิดออกนั้น เป็นที่นิยมทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะในหมู่เด็กๆ นอกจากนี้ "ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ" ยังนับเป็นหนึ่งในงานฝีมือดั้งเดิมที่กำหนดโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นด้วย

ประวัติของฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ

ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ (Hakone Yosegizaiku) เป็นเครื่องไม้ที่ผลิตในเมืองโอดาวาระและฮาโกเน่ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดคานากาวะในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโตเกียว

ในช่วงปลายยุคเอโดะ (ศตวรรษที่ 18 - 19) อิชิคาวะ นิเฮอิ (石川仁兵) ที่อาศัยอยู่ในแถบฮาดะจูคุ (Hadajuku) เมืองฮาโกเน่ ได้เป็นผู้ริเริ่มในการประดิษฐ์ "โยเซกิไซคุ" (Yosegizaiku) ขึ้น ถือเป็นต้นกำเนิดของ "ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ" นั่นเอง

ในสมัยนั้น ฮาโกเน่เป็นสถานที่ที่มีชื่อในเรื่องน้ำพุร้อนและมีผู้คนจากทั่วประเทศมาเยือนกันอย่างคับคั่ง ฮาดะจูคุเองก็เป็นหนึ่งในจุดพักผ่อน และบรรดานักท่องเที่ยวก็นิยมซื้อฮาโกเน่ โยเซกิไซคุกลับไปเป็นของฝากกัน

ภูเขาในฮาโกเน่นั้นมีต้นไม้อยู่หลายชนิด และเมื่อนำมารวมกันก็จะได้เป็นลวดลายที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งในปี 1859 ท่าเรือโยโกฮาม่ายังได้เปิดทำการ ทำให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาเกิดความสนใจในเครื่องไม้นี้ และมีการส่งออกไปต่างประเทศ

ในขณะนั้น ผลิตภัณฑ์จากไม้ที่ขึ้นรูปด้วยล้อ "ฮิกิโมโนะ" (挽物 จานหมุนสำหรับขึ้นรูปเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องไม้) กำลังเป็นที่นิยม แต่เมื่อถึงปลายยุคเอโดะ การรวมไม้หลายชนิดมาทำเป็นกล่อง ที่เรียกว่า "ซาชิโมโนะ" (指物) ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น

เมื่อเข้าสมัยเมจิ (ค.ศ. 1868 - 1912) ก็เริ่มมีการผลิตของเล่นขึ้น ซึ่งเป็นที่ถูกใจของประชาชนจำนวนมาก ช่วงต้นศตวรรษที่ 1900 จึงมีการก่อตั้งบริษัท Hakone Bussan Goshikaisha (箱根物産合資会社) ขึ้น และมีการติดต่อกับต่างประเทศอย่างจริงจัง จนเครื่องไม้ฮาโกเน่ได้กลายเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง

ช่วงปี 1970 ช่างฝีมือดั้งเดิมนามว่า "คานาซาชิ คัตซูชิโระ" (金指勝悦) ได้ประดิษฐ์ “โยเซกิไซคุจากไม้แท้” ขึ้นมา ทำให้ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุที่แทบจะหมดความนิยมไปช่วงหนึ่งกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง นอกจากนี้ ในปี 1984 เครื่องไม้ชนิดนี้ยังได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในงานฝีมือดั้งเดิมที่แต่งตั้งโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมด้วย

จุดเด่นของฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ

จุดที่เด่นที่สุดของฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ คือ ลวดลายเรขาคณิตที่ต้องอาศัยฝีมืออันแม่นยำของช่าง ทำให้สามารถใช้สีและลายไม้ธรรมชาติได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด เครื่องไม้ชนิดนี้ไม่มีการย้อมสีหรือตกแต่งลวดลายเพิ่มเติมใดๆ แต่จะใช้สีและลายเดิมของไม้มาทำเป็นลวดลายที่ดูซับซ้อน ภูเขาฮาโกเน่ในจังหวัดคานากาวะนั้นมีต้นไม้อยู่มากมายหลายชนิด ซึ่งการใช้ไม้คุณภาพสูงเหล่านี้ก็ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีลวดลายสวยงามและดูอบอุ่น

ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุมีลวดลายมากกว่า 50 แบบ ไม่ว่าจะเป็นลายใบไม้ (麻の葉) กระดองเต่า (亀甲) และอีกมากมายที่ล้วนแสดงถึงความเป็นศิลปะพื้นเมืองของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ หากเลื่อนฝาด้านข้างออกตามลำดับแล้ว ก็จะสามารถเปิดฝาไปเจอ “กล่องลับ” ที่ซ่อนอยู่ในฮาโกเน่ โยเซกิไซคุได้อีกด้วย นี่จึงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงทั้งในหมู่ชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ

ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุมีลวดลายที่ประกอบด้วยไม้หลายชนิดตามเฉดสี ในการประดิษฐ์เครื่องไม้นี้ ขั้นตอนแรกจะต้องเริ่มด้วยการตัดไม้ที่จะใช้เป็นรูปทรงส่วนหนึ่งของลาย จากนั้นก็นำไม้ที่ตัดเรียบร้อยแล้วมาประกอบให้เป็นลายเดียวเพื่อสร้าง "โยเซกิ" (Yosegi) อันเล็กๆ ซึ่งเมื่อนำมาประกอบกันแล้วก็จะได้เป็นบล็อกไม้ชิ้นใหญ่ที่เรียกว่า "ทาเนะอิตะ" (Taneita) 

เมื่อได้ทาเนะอิตะมาแล้ว ช่างฝีมือจะใช้กรรมวิธีแบบ "ซูคุฮาริ" (ズク貼り) หรือ "มุคุตสึคุริ" (ムク作り) อย่างใดอย่างหนึ่งมาจัดการต่อ ซูคุฮาริเป็นการเหลาทาเนะอิตะให้บางเหมือนแผ่นกระดาษ แล้วแปะลงไปบนเครื่องไม้ชนิดอื่น เช่น กล่อง ในขณะที่มุคุตสึคุริจะเป็นการเอาทาเนะอิตะมาขึ้นรูปเป็นเครื่องไม้โดยตรง

วิธีแบบ "ซูคุฮาริ" สามารถผลิตสินค้าหลายชิ้นได้จากทาเนะอิตะ 1 แผ่น จึงมักจะถูกใช้ในการผลิตแบบ Mass Production (ผลิตทีละหลายๆ ชิ้น) ส่วน "มุคุตสึคุริ" จะต้องใช้ทาเนะอิตะทั้งแผ่นในการผลิตสินค้าแต่ละชิ้น ซึ่งก็ทำให้มีจุดเด่นอยู่ที่ด้านในผลิตภัณฑ์ซึ่งจะยังคงมีลายไม้ปรากฏอยู่

ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้เทคนิค "โยเซกิไซคุ" ในการผลิตนั้นก็มีเพียงแค่ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุเท่านั้น เมืองโอดาวาระและฮาโกเน่จึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งผลิตโยเซกิไซคุแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นที่ใช้ภูมิปัญญาที่สืบทอดมาจากสมัยเอโดะ

ในเดือนมกราคมของทุกปี  ญี่ปุ่นจะจัดการแข่งขันกีฬาต่างๆ ซึ่งสิ่งที่พิเศษและฮิตสุดๆ คือ โรงเรียนที่ชนะในการแข่งขันงาน Hakone Ekiden จะได้รับถ้วยรางวัลที่ทำจากฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ! Hakone Ekiden เป็นงานมาราธอนที่มีระยะทางยาวที่สุดในโลก ซึ่งจัดขึ้นทุกปีตั้งแต่ ค.ศ. 1920 มีนักศึกษาจากมหาวิทยาฝั่งคันโตเข้าร่วมมากมาย เส้นทางของการแข่งขันเป็นเส้นทางไป - กลับตั้งแต่ฮาโกเน่ (ทะเลสาบอาชิ) ไปจนถึงโตเกียว (หน้าบริษัท Yomiuri Shimbun) ไม้กระบองที่ส่งผ่านกันนั้นเป็น "ทะสุคิ" (Tasuki สายสะพาย) แทนกระบองปกติ ตัวแทนของแต่ละทีม (มหาวิทยาลัย) จะต้องส่งสายสะพายนี้ต่อกันและวิ่งผ่านพื้นที่ให้ครบทั้ง 10 เขต "ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ" ที่มีชื่อเสียงระดับโลกนี้ ยังมีส่วนที่ทำให้ท้องถิ่นนี้มีผลิตภัณฑ์พิเศษด้วย

ปัจจุบัน ฮาโกเน่ โยเซกิไซคุ ไม่ได้มีเพียงของใช้ประจำวันอย่างกล่องลับ หรือที่รองแก้วเท่านั้น แต่ยังมีของกระจุกกระจิกอย่างพวงกุญแจและที่วางตะเกียบด้วย สินค้ามักจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาตั้งแต่ยุคเอโดะจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีสินค้าหลายประเภทที่วางจำหน่ายอยู่ในทุกวันนี้

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

*ผลิตภัณฑ์นี้อาจไม่สามารถจัดส่งไปยังบางประเทศได้ ดังนั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของผู้ขายด้วย

อัพเดทข้อมูลล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่บทความ

Category_articlesหมวดหมู่ _home ตกแต่งCraft guide